ประเภทของรถยนต์

หลังจากที่ได้เกริ่นนำประเภทของรถยนต์มา 5 ข้อแล้ว แต่ยังมีรถยนต์อีกหลายประเภทคือ

ประเภทของรถและการใช้งาน

6. รถยนต์แบบ Hot Hatch เป็นที่รู้จักกันในประเทศแถบยุโรป พบเห็นมากในการแข่งรถ มีเครื่องยนต์ทรงพลัง สร้างมาบนพื้นฐานของรถแบบ Sub-Compact หรือรถแบบ Compact เน้นพลังและการขับขี่ที่สนุกสนาน

ประเภทรถยนต์

7. SUV (Sport Utility Vehicle หรือ Suburban utility vehicle) เน้นใช้งานที่ค่อนข้างสมบุกสมบัน มีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ขนาดรถดูค่อนข้างใหญ่ มีพื้นฐานเดียวกับรถกระบะแล้วดัดแปลงมาเป็นรถยนต์นั่ง

8. PPV (Pick-up base Passenger vehicles) พัฒนามาจากตัวรถกระบะ นิยมเรียกกันในไทยเท่านั้น เป็นรถที่เข้าโครงการดัดแปลงเพื่อปรับฐานภาษีให้ต่ำลงด้วยการใช้พื้นฐานของรถปิคอัพและดัดแปลงตัวถังใหม่

9. MPV (หรือ Multi-Purpose Vehicle) สำหรับโดยสาร ระหว่าง 5-8 ที่นั่ง เน้นการใช้งานที่อเนกประสงค์ เหมาะกับครอบครัวใหญ่หรือการเดินทางเป็นหมู่คณะ เช่น Hyundai H-1, Toyota Alphard

10. CUV (หรือ Crossover Utility Vehicle) รถยนต์เสริม Options ต่างๆ ให้วิ่งลุยได้เหมือน SUV ที่มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถกระบะแต่นั่งนุ่มนวลมากกว่า ลุยได้พอสมควร แต่อาจจะไม่เท่ากับ SUV เช่น Honda CR-V, Chevrolet Captiva

11. Sport Car เน้นใช้งานแบบการแข่งขันจริงๆ มีเพียง 2 ที่นั่ง มีขนาดกะทัดรัด เครื่องยนต์แรง และการควบคุมที่ดีเยี่ยม น้ำหนักเบา เน้นความคล่องตัว เช่น Mazda MX-5, Porsche 959,

12. Muscle Car มักจะนิยามเฉพาะกับรถยนต์สไตล์อเมริกัน หมายถึงรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์กำลังแรงมากๆ มีสูบเยอะๆ ระดับ V6, V8 เช่น Ford Mustang, Chevrolet Camaro

13. Supercar เป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะของเครื่องยนต์ในระดับสูง ผลิตจำนวนกัด หรือต้องสั่งก่อนแล้วจึงผลิต เช่น Porsche 918 Spyder, Lamborghini Huracan

ประเภทของรถยนต์

เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ที่มากขึ้นทั้งในเอเชียและฝั่งยุโรป อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละโรงงานที่เน้นกลุ่มผู้บริโภคอย่างหลากหลาย ทั้งรุ่น สี สมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยีภายในและนอกตัวรถ ลักษณะการใช้งาน หรือราคาที่น่าดึงดูด ก็ล้วนแต่ทำให้บางท่านอาจสงสัยว่าแท้จริงแล้วรถยนต์นั้นสามารถแบ่งได้กี่ประเภท อะไรบ้าง ดังนั้นเรามาลองศึกษาข้อมูลไว้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการจะซื้อรถ หรือต้องการข้อมูลอันเป็นประโยชน์เบื้องต้น

ประเภทของรถและการใช้งาน

1. รถยนต์ประเภท A – Segment คือกลุ่มรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 660 cc. – ไม่เกิน 1000 cc. เหมาะกับการใช้งานในเมืองและแถบชานเมือง มีขนาดเล็ก คล่องแคล่ว

2. รถยนต์ประเภท B – Segment (หรือ Sub-Compact) เครื่องยนต์ขนาดประมาณ 1,000 cc. – 1,500 cc. เหมาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัวเล็กๆ หรือผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่ต้องการมีรถไว้ใช้งาน ซึ่งรถ Eco Car ส่วนใหญ่ก็จัดอยู่ในกลุ่มรถประเภทนี้ ตลอดจนรถทั่วไปในไทยเช่น Toyota Vios, Honda City, Honda Jazz, Ford Fiest, Mazda 2 เป็นต้น

3. รถยนต์ประเภท C-Segment (หรือ Compact Car) รถยนต์นั่งที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เป็นรุ่นที่ขายดีกว่ารถยนต์นั่งรุ่นอื่นๆ เครื่องยนต์จะอยู่ระหว่าง 1,500 cc. – 2,200 cc. สามารถใช้งานได้ในหลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นรถครอบครัว รถขนสินค้า รถแท็กซี่

4. รถยนต์ประเภท D- Segment เป็นกลุ่มรถที่ใหญ่ขึ้นมาอีกระดับ ตกแต่งภายในหรูหราด้วยวัสดุที่คุณภาพดีขึ้น อีกทั้งเครื่องยนต์ก็มีสมรรถนะที่สูงกว่าด้วย เช่น Toyota Camry, Honda Accord, Nissan Teana เป็นต้น

5. รถยนต์ประเภท E- Segment (หรือ Full-Size Car) เป็นรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดารถเก๋งทั้งหมด เครื่องยนต์มีตั้งแต่ 8 ถึง12 สูบ เน้นสมรรถนะ ความแรง และความหรูหรา สำหรับกลุ่มครอบครัวใหญ่ ผู้บริหาร เจ้าของกิจการ